11 พฤศจิกายน 2559

สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า


          “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เกิดจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แม่หลวงของปวงชนชาวไทย โดยมีพระราชประสงค์จะอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ป่าต้นน้ำ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่อีกด้วย
          สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ตั้งอยู่ในเขต ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก มีเนื้อที่ 1,385 ไร่ โดยมีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาและหุบเขาลอนลาด มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 750-1,280 ม. มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 27 องศาเซลเซียส สภาพพื้นที่เดิมเป็นป่าเสื่อมโทรมและไร่ร้างเกือบทั้งผืน อันเป็นผลมาจากการบุกรุกทำลายป่าในครั้งที่มีการสัมปทานป่าไม้
          นอกจากนั้น ในอดีตบริเวณพื้นที่ตั้งสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ยังเคยเป็นสมรภูมิรบ โดยในการรบครั้งนั้นทหารไทยและลาวได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจากการสู้รบในครั้งนั้น นั่นก็คือหลุมบังเกอร์ที่พบอยู่ในบริเวณพื้นที่ตั้งสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ซึ่งการรบครั้งนั้นถูกเรียกว่า “สมรภูมิรบบ้านร่มเกล้า”
          ในปี 2542 สมรภูมิรบบ้านร่มเกล้าถูกพัฒนาให้กลายเป็น “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ” โดยได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542 ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในคราเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินงานของโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ ภูขัด ภูเมี่ยง ภูสอยดาว ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก
          ในการนี้ได้มีพระราชดำริให้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ขึ้นในพื้นที่ส่วนปลายของเทือกเขาภูสอยดาว โดยพระองค์มีพระราชประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมความมั่นคงในประเทศ และเพื่อเป็นการอนุรักษ์พื้นที่ป่าสมบูรณ์ไว้เพื่อเป็นแหล่งป่าต้นน้ำลำธาร ทั้งยังเป็นการสนับสนุนราษฎรหมู่บ้านร่มเกล้าและหมู่บ้านข้างเคียงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้พัฒนาสถานที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดพิษณุโลก
          นอกจากจะเป็นการสนองงานพระราชเสาวนีย์ในองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถแล้ว ที่สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ยังเป็นแหล่งสำรวจและศึกษารวบรวมพรรณไม้พรมแดนไทย-ลาว ไม้ป่าดิบเขา อนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพนิเวศพรรณไม้ป่าดิบเขา ป่าผสมผลัดใบ สังคมพืชป่า ปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาเรียนรู้ทางพฤกษศาสตร์ โดยจัดให้เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศ เช่น กล้วยไม้ ไม้ดอกหอม เป็นต้น เป็นศูนย์อนุรักษ์และขยายพันธุ์พืช โดยเฉพาะไม้ประจำถิ่น ไม้หายาก ตลอดจนเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และการสันทนาการให้แก่นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ผู้สนใจทั่วไป

          ปัจจุบันสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ มีการจัดแสดงพรรณไม้ประจำถิ่น ไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ มีโรงเรือนรวบรวมกล้วยไม้ไทย ที่รวบรวมสายพันธุ์กล้วยไม้ไทยที่หาชมได้ยากยิ่ง กว่า 300 ชนิด รวมถึงพรรณไม้ที่ค้นพบชนิดใหม่ของโลกคือ “สร้อยสยาม” ไม้ตระกูลชงโค หรือเสี้ยวของไทย เป็นพืชถิ่นเดียวหายากเป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มีมือจับ กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง หูใบรูปทรงกลมถึงรูปไข่กลับ ใบรูปไข่ ช่อดอกแบบช่อกระจะ ห้อยลงยาวถึง 75 ซม. กลีบเลี้ยงรูปปากเปิด กลีบดอกมี 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน รูปไข่กลับถึงรูปรี สีชมพูอมขาวถึงสีชมพู เกสรเพศผู้มี 3 อัน เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันมี 6 อัน ผลแบบฝัก รูปขอบขนาน เมล็ดรูปไข่ แบน สีน้ำตาลเข้ม พบในป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ บริเวณภูเมี่ยง จ.พิษณุโลก ออกดอกตลอดทั้งปี แต่จะออกดอกมากในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
          ยังมีไม้ประจำถิ่นอีกหลายชนิด อาทิ “ค้อ” พืชวงศ์ปาล์ม ที่ถือได้ว่าเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และเป็นพรรณไม้แห่งวัฒนธรรมของผู้คนบนภูเขาสูง เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน รับแรงต้านของลมได้ดี มีอายุยืนยาวนับร้อยปี นอกจากนี้ยังมี “ระฆังทอง” พันธุ์ไม้ตระกูลปีบ ที่อวดความงามตลอดทั้งปี กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดคล้ายระฆัง มีสีเหลืองทองตัดกับดอกสีแดงเข้มจัด เป็นพืชหายากพบเฉพาะบนภูเขาสูงที่มีอากาศหนาวเย็น กระจายพันธุ์อยู่ในจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์
          ในอนาคตสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ จะเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้วงศ์จำปีจำปา กุหลาบพันปี และกล้วยไม้ไทย นอกจากนั้นยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานาชนิด รวมไปถึงกิจกรรมพานักท่องเที่ยวนั่งรถอีแต๊กเพื่อศึกษาธรรมชาติ และเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้ง สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ มีสถานที่กางเต็นท์ไว้รองรับให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาสัมผัสธรรมชาติและชมทัศนียภาพของทิวเขา มีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยสามารถรับรองนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 200 คน)
          นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมสวนฯ ได้ทั้ง 3 ฤดู ฤดูหนาว ก็จะได้สัมผัสกับอากาศอันหนาวเย็น พร้อมชมความงามของกล้วยไม้สกุลรองเท้านารีกล้วยไม้หายากที่มีลักษณะดอกคล้ายกับรองเท้าของผู้หญิง และสร้อยสยาม พันธุ์ไม้หายากพบเฉพาะจังหวัดพิษณุโลก ฤดูฝน สามารถชมหมอกฝนได้ ณ จุดชมวิวค้อเดียวดาย เป็นจุดชมวิวไฮไลต์ของที่นี่ โดยจุดชมวิวจะเห็นทะเลหมอกในยามเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทิวทัศน์ของ 2 ประเทศ 3 จังหวัด อันเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศไทยและลาว พร้อมชมยอดดอยภูสอยดาวที่มีเขตเชื่อมต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และเลย ส่วนฤดูร้อน จะพบกับกล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ ที่ออกดอกบานสะพรั่ง รวมไปถึงพันธุ์ไม้วงศ์จำปีจำปา ที่ส่งกลิ่นหอมรัญจวนไปทั่วทั้งป่ายามค่ำคืน
          อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือ การชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน โดยเฉพาะหิ่งห้อยน้ำที่สามารถชมได้ในบริเวณเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่อยู่ในเส้นทางผ่าน สามารถแวะพักผ่อนได้ อาทิ น้ำตกชาติตระการ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงภูขัดฯ สถานีทดลองพืชสวนร่มเกล้า ศูนย์ศิลปาชีพ ภูขัดฯ น้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย เป็นต้น
          เรียกได้ว่าสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อการเรียนรู้และพักผ่อน ท่ามกลางขุนเขาเมฆไม้และสายหมอก มีความหลากหลายของระบบนิเวศป่าและพรรณพืช ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใดก็ยังคงความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาพรรณ เปรียบดั่งห้องสมุดทางธรรมชาติที่ให้บริการความรู้ทางวิชาการด้านพืชและธรรมชาติวิทยา

แผนที่ 

แหล่งที่มา : 1 , 2

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น